วิธีเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำให้เหมาะสมกับสภาพแหล่งน้ำ

การเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำที่เหมาะสมกับสภาพแหล่งน้ำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้ได้น้ำสะอาดที่ปลอดภัยต่อการอุปโภคบริโภค และยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องกรองน้ำอีกด้วย จะแนะนำวิธีการเลือกซื้อ เครื่องกรองน้ำ ให้เหมาะสมกับแหล่งน้ำต่างๆ

การวิเคราะห์สภาพน้ำเบื้องต้น
ก่อนเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ ควรวิเคราะห์สภาพน้ำที่จะใช้ดังนี้
1. ลักษณะทางกายภาพ
– สี (ขุ่น ใส เหลือง)
– กลิ่น (คาว เหม็น คลอรีน)
– รสชาติ (กร่อย เค็ม จืด)
– ตะกอน (มีตะกอนมาก น้อย หรือไม่มี)
2. แหล่งที่มาของน้ำ
– น้ำประปา
– น้ำบาดาล
– น้ำบ่อ
– น้ำฝน

ประเภทของเครื่องกรองน้ำตามสภาพน้ำ
1. เครื่องกรองน้ำสำหรับน้ำประปา
– ระบบที่เหมาะสม
* เครื่องกรองน้ำระบบ UF (Ultrafiltration)
* ระบบ RO (Reverse Osmosis) ขนาดเล็ก
* ไส้กรองคาร์บอน

– ข้อดี
* กำจัดคลอรีนได้ดี
* กรองตะกอนละเอียด
* ลดกลิ่นและรสชาติที่ไม่พึงประสงค์

2. เครื่องกรองน้ำสำหรับน้ำบาดาล
– ระบบที่เหมาะสม
* ระบบกรองหยาบ
* ระบบกำจัดความกระด้าง
* ระบบ RO
* ระบบกำจัดเหล็ก

– สิ่งที่ต้องคำนึง
* ปริมาณแร่ธาตุสูง
* อาจมีเหล็กปนเปื้อน
* ความกระด้างสูง

3. เครื่องกรองน้ำสำหรับน้ำบ่อ
– ระบบที่เหมาะสม
* ระบบกรองตะกอนหยาบ
* ระบบฆ่าเชื้อ UV
* ระบบ RO

– จุดที่ต้องเน้น
* การกำจัดตะกอน
* การฆ่าเชื้อโรค
* การกรองสารอินทรีย์

4. เครื่องกรองน้ำสำหรับน้ำฝน
– ระบบที่เหมาะสม
* ระบบกรองตะกอน
* ระบบคาร์บอน
* ระบบฆ่าเชื้อ

– ข้อควรระวัง
* อาจมีฝุ่นละออง
* อาจมีการปนเปื้อนจากหลังคา
* pH อาจต่ำ

ขั้นตอนการเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ
1. ตรวจสอบคุณภาพน้ำ
– ส่งตัวอย่างน้ำตรวจวิเคราะห์
– สังเกตลักษณะทางกายภาพ
– วัดค่า TDS เบื้องต้น
2. กำหนดวัตถุประสงค์การใช้งาน
– น้ำดื่ม
– น้ำใช้
– น้ำสำหรับอุตสาหกรรม
3. พิจารณางบประมาณ
– ค่าเครื่อง
– ค่าติดตั้ง
– ค่าบำรุงรักษา
– ค่าไส้กรอง
4. เลือกขนาดและกำลังการผลิต
– จำนวนผู้ใช้งาน
– ปริมาณการใช้น้ำต่อวัน
– พื้นที่ติดตั้ง

ระบบกรองน้ำที่ควรมีตามสภาพน้ำ
1. น้ำที่มีตะกอนมาก
– ไส้กรองตะกอนหยาบ (Sediment Filter)
– ไส้กรองตะกอนละเอียด
– ถังพักตะกอน
2. น้ำที่มีความกระด้างสูง
– เรซินแลกเปลี่ยนประจุ
– ระบบ RO
– ระบบปรับสภาพน้ำ
3. น้ำที่มีเชื้อโรค
– ระบบฆ่าเชื้อ UV
– เมมเบรนกรอง UF
– คาร์บอนกัมมันต์เคลือบเงิน

การบำรุงรักษาตามสภาพน้ำ
1. น้ำที่มีตะกอนมาก
– ล้างไส้กรองบ่อยขึ้น
– เปลี่ยนไส้กรองตามกำหนด
– ตรวจสอบแรงดันน้ำสม่ำเสมอ
2. น้ำกระด้าง
– ล้างเกลือเรซินตามกำหนด
– ตรวจสอบประสิทธิภาพการกรอง
– เปลี่ยนสารกรองตามอายุการใช้งาน
3. น้ำที่มีเชื้อโรคสูง
– เปลี่ยนหลอด UV ตามกำหนด
– ล้างระบบฆ่าเชื้อสม่ำเสมอ
– ตรวจสอบคุณภาพน้ำเป็นระยะ

ข้อแนะนำเพิ่มเติม
1. ควรเลือกซื้อจากบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ
2. ตรวจสอบมาตรฐานและการรับรอง
3. พิจารณาการรับประกันและบริการหลังการขาย
4. ศึกษาค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระยะยาว
5. ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ

การเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำให้เหมาะสมกับสภาพแหล่งน้ำต้องพิจารณาหลายปัจจัย ทั้งคุณภาพน้ำ วัตถุประสงค์การใช้งาน งบประมาณ และการบำรุงรักษา การวิเคราะห์สภาพน้ำอย่างละเอียดจะช่วยให้เลือกระบบกรองน้ำได้อย่างเหมาะสม และได้น้ำสะอาดที่ปลอดภัยต่อการอุปโภคบริโภค

ระบบการกรองของเครื่องกรองน้ำมีแบบไหนบ้าง

ปัจจุบันคนจำนวนมากนิยมใช้เครื่องกรองน้ำเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากสามารถกรองน้ำได้มีประสิทธิภาพและยังสามารถควบคุมความสะอาดของน้ำได้ซึ่งเครื่องกรองน้ำในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ซึ่งในแต่ละชนิดมีกระบวนการกรองแตกต่างกันออกไป โดยการเลือกสามารถเลือกได้ตามความต้องการ ในการใช้งาน มีตั้งแต่การกรองน้ำที่สะอาดที่สุด จนถึงแบบธรรมดา โดยในที่นี้จะขออธิบายระบบทั่วไปที่เป็นสากลและใช้กันอยู่ทั่วโลก

การกรองระบบ Reverse Osmosis (RO.) ซึ่งเป็นวิธีการกรองน้ำได้สะอาดที่สุด แต่ราคาจะสูงกว่าระบบอื่น ๆ และควรติดตั้งให้ถูกวิธีเพราะจะต้องมีการต่อน้ำทิ้ง เนื่องจากไส้กรองหลักคือ Membrane Filter มีความละเอียดมากถึง 0.0001 ไมครอน ทำให้จำเป็นต้องมีแรงดันน้ำมากพอสมควร และน้ำบางส่วนที่ไม่สามารถผ่าน Membrane ได้ก็จะถูกระบายออก และมีไส้กรองต่าง ๆ เพื่อยืดอายุการใช้งานของ Membrane Filter และไส้กรอง แต่ละชนิดยังทำหน้าที่แตกต่างกัน

  • ขั้นตอนที่ 1 ไส้กรอง Sediment Filter กรองฝุ่นขนาด 5 ไมครอน จะดักฝุ่นผงละเอียดที่ปนมากับน้ำ
  • ขั้นตอนที่ 2 ไส้กรอง Pre-Carbon Filter มีหน้าที่กำจัดคลอรีน, กลิ่น และสี ในขณะน้ำไหลผ่าน
  • ขี้นตอนที่ 3 ไส้กรอง Reverse Osmosis Membrane Filter ซึ่งมีความละเอียด 0001 ไมครอน สามารถกรองพิษต่าง ๆ ที่ปนมากับน้ำ เช่น สารเคมี สารตะกั่ว ปรอท ยาฆ่าแมลง สารอินทรีย์ แบคทีเรีย ไวรัส สารก่อมะเร็งและสารละลายได้ถึง 98%
  • ขั้นตอนที่ 4 ไส้กรอง Post-Carbon Filter เป็นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งมีหน้าที่ปรุงแต่งรสของน้ำ และขจัดกลิ่น สีก๊าซที่ยังเหลือในน้ำและปรับสภาพของน้ำให้เป็นธรรมชาติ

การกรองแบบ Ultrafiltration (UF.) เป็นการกรองน้ำที่สะอาดรองมาจากระบบ RO. สามารถดื่มได้อย่างมั่นใจและยังมีประสิทธิภาพการกำจัดเชื้อ จุลินทรีย์ที่มีขนาดเล็กมาก โดยมีความละเอียดของไส้กรอง Ultrafiltration Membrane 0.01 ไมครอน ทำให้ได้น้ำบริสุทธิ์ ที่อุดมไปด้วยวิตามินและ แร่ธาตุต่าง ๆ ส่วนขั้นตอนต่าง ๆ จะเหมือนกับระบบ Reverse Osmosis (RO.) แต่จะมีข้อแตกต่างในขั้นตอนที่ 3 ซึ่งจะเปลี่ยนไส้กรองจากไส้กรองRO.Membrane เป็นไส้กรอง Ultrafiltration Membrane (UF.) ซึ่งมีความละเอียด 0.01 ไมครอน การใช้ระบบการกรองระบบ UF. การติดตั้งจะง่าย กว่าแบบระบบ RO. โดยสามารถติดตั้งได้เองสะดวก

การกรองแบบธรรมดา (Conventional Filtration) เป็นการกรองน้ำที่สะอาดกว่าการนำน้ำประปามาบริโภคโดยตรงในระดับหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่ ขั้นตอนการกรองจะไม่มีไส้กรองหลักคือ Membraneเพื่อความมั่นใจว่าน้ำที่ผ่านการกรองระบบนี้บางรุ่นจะเพิ่มอุลตร้าไวโอเล็ต เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีอีก ขั้นตอนหนึ่ง และราคาถูก หรือน้ำที่มีพวกหินปูน ผสมอยู่มาก เช่นน้ำบาดาล

ดังนั้นการเลือกเครื่องกรองน้ำเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อให้น้ำที่สะอาด และตรงต่อการใช้งานรวมถึงการดีไซน์เพื่อให้เหมาะสมกับบ้านหรือพื้นที่ที่ติดตั้งและเพื่อสุขภาพ ที่ดีควรใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องน้ำ เพราะน้ำเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับร่างกาย ควรให้ร่างกายของเราได้รับแต่น้ำที่สะอาด เพื่อยืดอายุอวัยวะของเราไม่ให้ทำงานหนักเกินความจำเป็น รวมถึงการดูแลรักษาเครื่องกรองน้ำโดยจำเป็นจะต้องเปลี่ยนไส้กรองหรือล้างสารกรองอยู่เป็นประจำ เพื่อให้ได้น้ำที่สะอาดอยู่ตลอดเวลา https://www.safetydrink.com/